ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2555ปราสาท 3 ฤดูปราสาท 3 ฤดู จะมีความสูงเท่ากัน แต่มีชั้นไม่เท่ากัน ได้แก่ ปราสาทฤดูหนาวมี 9 ชั้น ปราสาทฤดูร้อนมี 5ชั้น ปราสาทฤดูฝนมี 7 ชั้น
ปราสาทฤดูหนาว ชื่อ รัมมะ (9 ชั้น)
ลักษณะอาคารแต่ละชั้นของปราสาทจะมีขนาดค่อนข้างต่ำทำให้เสาและฝาผนังจึงมีขนาดไม่สูงจิตรกรรมภายใน เขียนลวดลายเน้นใช้โทนสีสว่างๆ เช่น รูปกองไฟเป็นต้นเพื่อให้รู้สึกดูอุ่นตาอุ่นใจ วัสดุผ้าเน้นใช้สอยด้วยผ้ากัมพล (ผ้าขนสัตว์) ไม่ว่าจะเป็นผ้าม่าน ผ้าติดผนังเพดาน ผ้าปูพื้น แม้กระทั่งเสื้อผ้านุ่งห่ม ผ้าโพกศีรษะ ก็ล้วนใช้ผ้าชนิดนี้ทั้งสิ้น เพื่อช่วยให้อบอุ่น ประตู-หน้าต่าง เปิดตอนกลางวัน เพื่อเก็บความร้อนไว้ แล้วค่อยปิดตอนกลางคืนเพื่อป้องกันลมหนาวพัดเข้ามา
ปราสาทฤดูร้อน ชื่อ สุภะ (5 ชั้น)
ลักษณะอาคารแต่ละชั้นจะขยายให้สูงขึ้นเสาและฝาผนังจึงสูงตามทำให้ไม่คับแคบ ลมไหลเวียนถ่ายเทได้ดี จิตรกรรมภายใน มักเขียนฝาผนังเป็นรูปดอกบัวชนิดต่างๆ วัสดุผ้าผ้าม่าน เพดาน ผ้านุ่งห่ม เน้นที่ทำจากผ้าเปลือกไม้ให้รู้สึกสบาย ประตู-หน้าต่าง ปิดกลางวันป้องกันลมร้อน เปิดกลางคืนรับลมเย็น ในปราสาทฤดูร้อนนี้ ตามหน้าต่างแต่ละบานจะมีตุ่ม9 ตุ่ม ปลูกดอกบัวไว้ แล้วติดท่อน้ำทำเป็นน้ำพุโปรยละอองน้ำให้ความชุ่มเย็น
ห้องบรรทม จะมีกระถางทอง - เงินอย่างละ 108 กระถาง สำหรับปลูกกอบัวและใส่ของหอมเอาไว้แล้วตั้งล้อมรอบห้องบรรทมนั้น เพื่อส่งกลิ่นหอมเข้าไปภายในห้อง ตามจุดต่างๆ เช่น ทางเดิน จะมีกระถางโลหะใหญ่ปลูกดอกบัวชนิดต่างๆและใส่ของหอมเอาไว้ปราสาทจึงมีแต่กลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว
เนื่องจากปราสาทหลังนี้แสงอาทิตย์จะสาดส่องได้มากกว่าหลังอื่นทำให้เวลาที่ดอกบัวบานยามต้องแสงตะวันหมู่ภมรผีเสื้อจะพากันโบยบินระยิบระยับเพื่อลิ้มรสเกสร ทำให้ตัวปราสาท...จึงเป็นดั่งยกเอาธรรมชาติให้เข้ามาสัมผัสชิดใกล้
ปราสาทฤดูฝน ชื่อว่า สุรัมมะ (7 ชั้น)ลักษณะอาคาร แต่ละชั้นจะสูงพอดี เสาและฝาผนังสูงพอดีๆ สามารถรับอากาศเย็นก็ได้ ร้อนก็ได้ จิตรกรรมภายใน บางที่วาดลวดลายกองไฟลุกโชน ใช้โทนสีสว่างแต่ในบางที่จะเขียนเป็นรูปสระน้ำและธรรมชาติ เพื่อให้รื่นรมย์ดูเย็นตาเย็นใจ
วัสดุผ้าในปราสาทฤดูฝนนี้ ทุกอย่างที่เป็นผ้า ก็จะใช้ทั้งผ้าขนสัตว์และผ้าเปลือกไม้ปนๆ กัน ประตู-หน้าต่าง บางบานเปิดตอนกลางคืน ปิดกลางวัน บางบานก็เปิดตอนกลางวัน ปิดกลางคืน
สรุปก็คือปราสาทฤดูฝนนี้จะออกแบบให้ผสมผสานกันระหว่างปราสาทฤดูหนาวกับปราสาทฤดูร้อน นั่นเอง
ปราสาททั้งสามนี้ถึงจะมีความแตกต่างกันตามสภาวะฤดู แต่ก็มีสิ่งที่เหมือนกัน 2 ประการ คือ มีขนาดสูงเท่ากัน และ มีแต่สตรีเท่านั้น ไม่มีบุรุษแม้แต่คนเดียว ยกเว้นเจ้าชายสิทธัตถกุมาร ทุกจุดบริการต่างๆ ในปราสาทจึงล้วนเต็มไปด้วยสตรี ไม่เว้นแม้แต่ยามเฝ้าประตู รวมระยะเวลาเสวยสุขในปราสาท 3 ฤดูนี้ ถึง 13 ปี ตั้งแต่พระชนมายุ 16 – 29 ชันษา ทรงแทบจะไม่เสด็จออกนอกตัวปราสาทเลยจึงทรงเป็นเจ้าชายสุขุมาลชาติเสวยสุขอยู่แต่ในปราสาทดุจเทพกุมาร
http://goo.gl/UoTZO