ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 28 กันยายน พ.ศ.2554ได้ทุนการศึกษามูลค่าล้านกว่าบาทเป็นอัศจรรย์ตอน ได้ทุนการศึกษามูลค่าล้านกว่าบาทเป็นอัศจรรย์เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยากราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงครับผมชื่อ เกียรติภูมิ รอดพันธ์ หรือ มาร์ท อายุ 28 ปี หรือจะเรียกผมว่า “ว่าที่ดอกเตอร์มาร์ท” ก็ได้ครับ เพราะผมกำลังเรียนในระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยโอทาโก (OTAGO) ประเทศนิวซีแลนด์ครับ ผมเพิ่งจะเข้าวัดพระธรรมกายในปี พ.ศ.2551 นี้เองครับ ต่อมาในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2552 ผมก็ได้รับทุน ก.พ. ไปเรียนต่อระดับปริญญาโทที่ประเทศนิวซีแลนด์ จึงทำให้ผมได้ไปทำบุญที่วัดพระธรรมกายดันนีดินเป็นประจำ จนกระทั่งถึงงานบุญทอดกฐินปี พ.ศ.2553 ที่ผ่านมา ผมอยากที่จะรื้อผังจนเป็นอย่างมาก จึงนำเงินทั้งหมดที่มีในเวลานั้น จำนวน 650,000 บาท เทกระเป๋าทำบุญไปจนหมดเลยครับ และเมื่อทำบุญแล้ว ในขณะที่กำลังจะไม่มีเงินใช้ บุญก็ช่วยทันพอดีครับ กล่าวคือ ทางเมืองไทยได้โอนทุนการศึกษาในระดับปริญญาโทปีสุดท้ายของ ก.พ. มาให้แสนกว่าบาท จึงต่ออายุผมได้อีกหน่อย แต่ปัญหาของผมมันอยู่ที่ว่า ตอนนี้ผมได้เริ่มเรียนในระดับปริญญาเอกแล้วครับ และต้องใช้เวลาเรียนนานถึง 3 ปี ซึ่งทางทุน ก.พ. ไม่อนุมัติงบในระดับปริญญาเอกส่งให้แล้ว อีกทั้งทางครอบครัวของผมที่เมืองไทย ก็เป็นเพียงข้าราชการธรรมดาๆ จะหาเงินเป็นล้านๆจากไหนมาส่งให้ผมเรียบจบสูงถึงในระดับปริญญาเอก แต่ผมก็ไม่ท้อครับ จึงไปสมัครขอทุนการศึกษากับทางมหาวิทยาลัย ในช่วงปลายปี พ.ศ.2553 กัลฯเกียรติภูมิ รอดพันธ์แต่เนื่องจากทุนในระดับปริญญาเอกนี้ เป็นทุนที่ได้ยากมากๆ กล่าวคือ ผู้ที่จะได้รับทุนนี้จะต้องเป็นนักศึกษาระดับหัวกะทิ เกรดเอ เท่านั้น และมีผลงานด้านการวิจัยที่สุดยอดในระดับ The Best และเป็นสากล แต่เมื่อผมลองมาย้อนดูตัวเองไปตามความเป็นจริงแล้ว ผมถูกจัดอยู่ในประเภทหางกะทิ หัวกระเทียม หรือหัวหอม คือ ไม่ว่าจะดูอย่างไร ก็ไม่ใช่ระดับหัวกะทิ เพราะผมยังพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยคล่อง และสุดท้ายก็เป็นอย่างที่คิดครับ เพราะทางมหาวิทยาลัยได้ปฏิเสธผมกลับมาอย่างไม่มีเยื่อใยว่า “คุณไม่มีสิทธิ์ได้ทุน” แต่ถึงแม้จะผิดหวัง ผมก็ไม่ละความพยายามครับ จึงทำเรื่องขอทุนไปอีกเป็นครั้งที่ 2 ในเดือนมีนาคม พ.ศ.2554 ที่ผ่านมา เมื่อคณะกรรมการเห็นผมขอมาอีกครั้ง เขาจึงตอบยืนยันกลับมาว่า “ไม่มีวันเป็นไปได้อย่างแน่นอน ขอให้คุณโปรดทำใจเสียเถอะ และขอให้เลิกมาสมัครขอทุนเสียที” ตอนนั้น ผมคิดว่า “ถ้าไม่มีเงินเรียนดอกเตอร์ก็คงต้องบินกลับมาเลี้ยงด๊อก (สุนัข) ที่บ้านในเมืองไทยแทน”ในเสี้ยววินาทีที่กำลังใจตกนี้เองครับ อยู่ๆผมก็เกิดความคิดแวบขึ้นมาว่า “สาเหตุที่ทางมหาวิทยาลัยไม่ให้ทุน อาจเป็นเพราะบุญของเรายังไม่มากพอที่จะได้รับในสิ่งที่ปรารถนา หรือเปล่านะ” เมื่อคิดดังนั้น ผมก็ตะโกนบอกตัวเองในใจว่า “เราจะนำเงินก้อนสุดท้ายที่เก็บไว้เป็นค่าเครื่องบินกลับเมืองไทย ทุ่มทำบุญกฐินธรรมชัยปีนี้ ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยก็แล้วกัน” เมื่อตัดสินใจแล้ว ผมจึงเริ่มปฏิบัติการทันที โดยในวันอาทิตย์ต้นเดือนกันยายน พ.ศ.2554 ที่ผ่านมา ผมได้นำเงินจำนวนแสนกว่าบาทสุดท้ายมาถวายทำบุญทอดกฐินธรรมชัยปีนี้ ซึ่งผมคิดว่าถ้าเงินหมด ไม่มีข้าวกิน ไม่มีเงินค่าเครื่องบินกลับเมืองไทย ก็จะมาสมัครเป็นเด็กวัดช่วยงานที่วัดพระธรรมกายดันนีดินไปพลางๆก่อน เนื่องจากหลังจากทำบุญแล้ว ผมจะเหลือเงินทั้งเนื้อทั้งตัวอยู่แค่ 3 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ซึ่งซื้อข้าวกินสักจานยังไม่ได้เลยครับ เพราะข้าวที่นี่ราคาจานละ 15 ดอลลาร์ จากนั้นผมได้นั่งสมาธิ(Meditation)ในขณะที่ทางเมืองไทยกำลังถ่ายทอดสดในช่วงที่หลวงพ่อนำนั่งสมาธิภาคบ่าย ก่อนถวายปัจจัยไปที่เมืองไทย ผมได้นึกอธิษฐานจิตตามเสียงของหลวงพ่อ โดยนึกว่า “เงินที่ผมจะทำบุญนี้เป็นเงินก้อนสุดท้าย ที่เป็นชีวิต เป็นอนาคต และเป็นข้าวมื้อต่อๆไปของผม แต่ผมก็ตัดความตระหนี่ นำออกมาทำบุญเพื่อรื้อผังจน ทำบุญสร้างอาคารพระผู้ปราบมารบูชาธรรมพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ และทำบุญสร้างอาคารหนึ่งไม่มีสองบูชาธรรมคุณยายอาจารย์ ด้วยบุญนี้ ขอให้พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ คุณยายอาจารย์ ได้เมตตาต่อสายสมบัติให้ผมรวยอัศจรรย์ด้วยเถิด” จากนั้นไม่นาน ขณะที่หลวงพ่อให้ผมนึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯให้ชัดๆ อยู่ๆใจผมก็เกิดอาการหลุดโพละเหมือนตัวเองเข้าไปอยู่ในอีกมิติหนึ่ง จนเกิดอาการขนลุกชูชัน ปลื้มใจอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก อย่างที่ไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลยในชีวิต และเมื่อผมได้ถวายปัจจัยแล้ว ผมก็กลับไปหลับอยู่ในอู่ทะเลบุญมหาวิทยาลัยโอทาโก (OTAGO) ประเทศนิวซีแลนด์เมื่อผมตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นก็เกิดเรื่องใหญ่ทันทีครับ กล่าวคือ วันนั้นเป็นวันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ.2554 อยู่ดีๆทางมหาวิทยาลัยได้แจ้งข่าวมาว่า ทางมหาวิทยาลัยขอปรับเกณฑ์การรับทุนการศึกษาใหม่ และผมเป็นผู้ถูกคัดเลือกให้ได้รับทุนนี้ และนับจากบัดนี้เป็นต้นไป ทางมหาวิทยาลัยจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าเล่าเรียนในระดับปริญญาตรีให้ผมทั้งหมด รวมทั้งค่าใช้จ่ายส่วนตัวระหว่างการศึกษา อีกทั้งยังจ่ายชดเชยเงินค่าเล่าเรียนที่ผมได้จ่ายไปเมื่อปีที่แล้วคืนให้อีกด้วย ซึ่งรวมเป็นเงินไทยก็ประมาณล้านกว่าบาทครับ ผมขอกราบเรียนหลวงพ่อว่า “แทบไม่น่าเชื่อเลยครับ ผมตะลึงจนอยากจะเหาะออกไปนอกโลก อะไรมันจะเหลือเชื่อได้ถึงขนาดนี้ครับ เพราะผู้ที่ได้รับทุนในรอบนี้ เท่าที่ผมรู้มีแค่ 2 คนเท่านั้น คือ เพื่อนของผมที่เป็นนักศึกษาระดับหัวกะทิซึ่งมีผลงานวิจัยที่ดีเยี่ยม ถูกนำไปตีพิมพ์ลงในวารสารต่างประเทศ ผิดกับผมที่เป็นพวกหางกะทิ หัวกระเทียม และไม่มีผลงานวิจัยดีเด่นอะไรขนาดนั้น ผมขอยืนยันว่า บุญกฐินพลิกชีวิตของผมจริงๆครับ”กฐินธรรมชัยในปีนี้ ผม คุณแม่และน้องสาวที่อยู่เมืองไทย ได้ตั้งใจกันว่าจะทำกันที่หนึ่งเอ็ม และจะมาร่วมในพิธีอัญรูปเหมือนทองคำ พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ เวียนประทักษิณรอบมหาธรรมกายเจดีย์ ในวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ.2554 นี้อย่างแน่นอนครับ ผมขออนุญาตกราบขอพรจากหลวงพ่อ “ขอให้ผมและครอบครัวมีความสุข และร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี จะได้มีปัจจัยมาสร้างบุญสร้างบารมีในพระพุทธศาสนาให้ยิ่งๆขึ้นไปครับ” กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูงเกียรติภูมิ รอดพันธ์อ่านรายละเอียด...ครบรอบ 127 ปี พระมงคลเทพมุนี
http://goo.gl/5hrWi