ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2553 ช่วงที่ 2พระธรรมทายาทสรายุทธ ปิยธมฺโมเรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยากราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงกระผม พระธรรมทายาทสรายุทธ ปิยธมฺโม อายุ 24-ปี ตัวแทนพระธรรมทายาทจากศูนย์อบรมวัดสวนหลวง จังหวัดสมุทรสงครามครับ กระผมมาบวชเพราะอยากให้โยมพ่อสบายใจ และจะได้เป็นบุญกุศลให้กับโยมย่าที่กำลังป่วยเป็นโรคมะเร็ง แต่ก่อนนั้นกระผมไม่เชื่อเลยว่าจะมีชีวิตหลังความตาย กระผมคิดว่าคนตายไปแล้วก็จบกัน เหมือนคนที่นอนหลับไปตลอดกาล กระผมคิดว่าเรื่องนรก-สวรรค์เป็นเพียงนิยายที่เล่าต่อๆกันมาเท่านั้น ดังนั้นกระผมจึงใช้ชีวิตตามแบบฉบับที่คิดว่า คนเราเกิดมาหนเดียว ตายหนเดียว แถมยังเจ้าชู้สุดๆอีกด้วยครับ แต่พอมาบวชแล้ว ได้ฟังคำสอนจากหลวงพ่อ พระอาจารย์ และพระพี่เลี้ยง ทำให้กระผมรู้ว่าชีวิตที่ผ่านมานั้นเดินอยู่บนความเสี่ยงมาตลอด และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้หัวใจของกระผมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ก็คือการได้นั่งสมาธิ(Meditation) ได้พบกับประสบการณ์ภายในที่สุดแสนจะมหัศจรรย์ครับ การนั่งสมาธิในวันแรกๆนั้น ทั้งมืด ทั้งปวด ทั้งเมื่อย และใจก็ไม่นิ่งเลยครับ วันหนึ่งกระผมนั่งสมาธิโดยนึกถึงดวงแก้วพร้อมกับภาวนาสัมมาอะระหัง เดินตามฐานไปเรื่อยๆ นั่งได้ไม่นานก็เริ่มมีอาการเหน็บกิน ปกติถ้าเหน็บกินกระผมจะลุกออกจากสมาธิทันที แต่วันนั้นกระผมไม่สนใจ พยายามนั่งต่อ พอเดินตามฐานเข้าสู่รอบที่สาม กำลังสัมมาอะระหังอยู่ที่ฐานที่ห้า ก็รู้สึกว่าเหมือนตัวเองกำลังตกจากที่สูง พอตกลงไปถึงฐานที่หก กระผมก็เห็นดวงแก้วกลมใส ค่อยๆลอยขึ้นมาพร้อมกับมีแสงสว่างเกิดขึ้นด้วย ความสว่างเหมือนจะกระจายออกมาจากตรงกลางดวง แล้วค่อยๆสว่างจนเต็มดวง ขณะนั้นกระผมรู้สึกมีความสุขมาก จนเกือบจะหลุดเสียงหัวเราะออกมา แต่ก็ข่มใจไว้และเปลี่ยนอาการนั้นเป็นรอยยิ้มแทนครับ แต่พอกระผมตั้งใจมองมากๆ ดวงนั้นก็หายไป กระผมจึงลืมตาขึ้น แล้วเริ่มเดินตามฐานใหม่ ก็เห็นดวงกลมใสนั้นอีก แต่พอดวงเริ่มสว่างมากขึ้น กระผมก็อยากดูชัดๆ จึงทำให้ดวงนั้นหายไปอีก แล้วก็หมดเวลานั่งพอดี หลังจากวันนั้นพยายามนั่งเท่าไหร่ก็ไม่เห็นดวงใสๆอีกเลย กลับมีแต่อาการฟุ้ง เพราะอยากเห็นแบบเดิม จนถึงวันบรรพชา กระผมได้ระลึกถึงบุญคุณของโยมพ่อโยมแม่ แม้ว่าโยมแม่จะไม่ได้เลี้ยงดูกระผมมา แต่กระผมก็รู้ว่าแค่ท่านให้กำเนิดก็เป็นบุญคุณที่ทดแทนไม่หมดแล้ว แม้ขณะนั้นกระผมจะนึกหน้าท่านได้ไม่ชัดเท่าไหร่ แต่ตลอดพิธีบรรพชา กระผมมีความรู้สึกว่ามีโยมพ่อโยมแม่อยู่ในใจ และบรรพชาไปพร้อมๆกับกระผม แม้ในวันอุปสมบทก็เช่นเดียวกัน ทำให้กระผมปลื้มมากที่ได้ตั้งใจบวชให้ท่านครับ การได้บวชเป็นพระ ทำให้กระผมสงบ สำรวมมากขึ้น และในวันที่ 22-กรกฎาคม พ.ศ.2553_ในรอบเช้าของการนั่งสมาธิ ขณะที่ภาวนาสัมมาอะระหัง อยู่ๆก็มีอาการเหมือนคนกำลังตกจากที่สูง ตกแรงมาก จนรู้สึกผวา แล้วกระผมก็เห็นมีดวงแก้วกลมใสขนาดใหญ่เท่ากับผลมะนาวลอยขึ้นมาในกลางท้อง พอมองไปนิ่งๆก็เห็นว่ามีจุดสว่างมากๆเท่ากับเมล็ดถั่วเขียวอยู่ตรงกลางดวง ตอนนั้นใจนิ่งมาก ไม่คิดอะไรเลย ดวงแก้วที่กระผมเห็นใสมาก ใสกว่ากระจก ใสกว่าแก้ว ใสกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง กระผมเห็นชัดมากๆเหมือนลืมตามองวัตถุภายนอก การได้เห็นดวงใสๆทำให้กระผมมีความสุขมาก เป็นความสุขที่ไม่เคยพบมาก่อนเลยในชีวิต และความสุขใดๆในโลกก็เอามาเทียบกันไม่ได้เลยครับ ตอนนี้กระผมเชื่ออย่างสนิทใจว่าบุญ-บาป...มีจริง นรก-สวรรค์...มีจริง และอะไรที่เรามองไม่...เห็นอย่าเพิ่งคิดว่าไม่มี หลวงพ่อครับ กระผมอยากแก้ไขในสิ่งที่เคยทำผิดพลาด โดยเฉพาะความผิดที่เกิดจากความเจ้าชู้ กระผมควรทำอย่างไรดีครับ และกระผมจะรักษาดวงสว่างนี้ไว้นานๆตลอดไปได้อย่างไรครับ1 ตอนนี้กระผมชอบนั่งสมาธิมาก กระผมดีใจที่ได้บวชในโครงการนี้ กระผมกราบขอบพระคุณหลวงพ่อ กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ พระพี่เลี้ยง ที่ทำให้กระผมได้พบกับแสงสว่างนำทางชีวิตและมีชีวิตใหม่ครับ สุดท้ายนี้ กระผมได้แต่งกลอนกราบถวายหลวงพ่อด้วยครับ ธรรมกาย เป็นผู้ให้ ไม่หวังผล ปรับปรุงคน เปลี่ยนความคิด ให้จิตใสจากดวงแก้ว สู่องค์พระ ธรรมกายปิดอบาย เปิดสวรรค์ กำจัดมารกราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูงพระสรายุทธ ปิยธมฺโม1คำตอบจากคุณครูไม่ใหญ่ 1.ก็ต้องให้เข้าถึงพระธรรมกายในตัว ได้บวชสองชั้น นั่นแหละจึงจะล่วงพ้นตรงนี้ไปได้ เราไม่มีทางเลือกอื่นเลย 2.ก็ทำอย่างเดิมนี่แหละ และต้องทำทุกวัน ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ และทุกเดือน ทุกปี ตลอดปี ตลอดไป อย่างน้อยอย่างนี้...แค่นั้น
http://goo.gl/kxvbo