ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.2553 ช่วงที่ 1ความรู้สึกของผู้หญิงคนหนึ่ง...เมื่อรู้ว่าต้องเป็นแม่เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยากราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงลูกชื่อ กัลยาณมิตรอัมพร กิบส์ ลูกอยากแบ่งปันความรักความรู้สึกของคนเป็นแม่ให้ลูกๆทั่วโลกได้รับฟัง เพื่อที่ว่าวันนี้ลูกๆทุกคนจะได้หันกลับมาดูแลผู้เป็นแม่ให้ได้ อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของความรักที่แม่มีให้ก็ยังดีค่ะ ลูกเป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง ที่รักลูกดั่งแก้วตาดวงใจ ในขณะที่ตั้งครรภ์สามเดือนแรก ลูกจะมีอาการเวียนศีรษะอย่างหนัก อาเจียนมากจนไม่สามารถทานอะไรได้เลย ได้แต่จิบน้ำส้มคั้นทีละนิดเท่านั้น ย่างเข้าเดือนที่สี่ก็เริ่มทานได้มากขึ้น จึงพยายามบำรุงร่างกายเพื่อให้ลูกในท้องแข็งแรง ตัวลูกเองเป็นคนร่างเล็ก พอท้องโตขึ้นมากๆ น้ำหนักของท้องก็ไปกดทับเส้นประสาทที่บริเวณสะโพกทั้งสองข้าง ตอนนั้นไม่ว่า จะยืน เดิน นั่ง นอน ก็จะมีอาการปวดแปลบๆตลอดเวลา แต่ลูกก็ทนได้ค่ะ ในขณะที่ท้องโตขึ้นเรื่อยๆ ก็จะยิ่งสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของลูกน้อย เวลาเขาดิ้นอยู่ในท้อง ลูกจะรู้สึกอุ่นใจ มีความสุขอย่างบอกไม่ถูกค่ะ ลูกเฝ้ารอคอยวันที่จะได้เห็นหน้าเจ้าตัวน้อยทุกวันเป็นเดือนๆ คืนหนึ่ง เวลาห้าทุ่มเศษ ลูกมีอาการปวดท้องอย่างหนัก แล้วก็ค่อยๆปวดถี่ขึ้น ปวดหนักจนแทบขาดใจ จึงต้องเดินทางไปโรงพยาบาลตอนตีสอง หมอบอกว่าใกล้คลอด จึงทำการฉีดยาชาให้ แต่ไม่ได้ผล ลูกจึงต้องทนปวดท้องอยู่อย่างนั้น ทรมานมากจนถึงหกโมงเช้า เด็กจึงคลอดออกมา พอได้เห็นหน้าเจ้าตัวน้อยครั้งแรก ความรู้สึกทรมานจากการทำคลอดก็หมดไปทันทีเลย ยิ่งรู้ว่าเจ้าตัวน้อยมีอาการครบทั้งสามสิบสอง ก็โล่งใจอย่างที่สุดค่ะ แต่ความเจ็บปวดยังไม่หมด เพราะหมอต้องทำการรีดท้องขับของเสียออกอีก ตอนนั้นเจ็บสุดๆเลยค่ะ กัลยาณมิตรอัมพร กิบส์ กับลูกชาย ผู้เป็นดั่งน้ำทิพย์ชโลมจิตใจในช่วงแรกของการเลี้ยงดู ลูกไม่สามารถปล่อยให้เขานอนบนเตียงได้เลยค่ะ เพราะเขาจะร้องโยเยทั้งคืน ร้องหนักมากๆเหมือนจะกลั้นหายใจ จนลูกทนไม่ได้ เห็นลูกร้องไห้แล้วก็อยากจะร้องตาม จึงต้องนั่งอุ้มเขาไว้แนบอก และกล่อมให้หลับในอ้อมกอดทุกคืน เป็นอย่างนี้อยู่หลายเดือนทีเดียว ตอนที่อายุได้ห้าเดือน เจ้าตัวน้อยมีอาการท้องเสีย เพราะแพ้นมถั่วเหลือง กินอะไรไม่ได้ไปสาม-สี่วัน ลูกทรมานใจมาก คิดแต่ว่าถ้าป่วยแทนได้จะขอป่วยเอง พอโตขึ้นมาหน่อยก็ไปตกชิงช้าแขนหักอีก โอ้ย...หัวใจคนเป็นแม่แทบสลายเลยค่ะ กว่าจะเลี้ยงเขาจนโตเป็นหนุ่ม ลูกต้องทำหน้าที่หลายอย่าง ทั้งตามรับตามส่ง เป็นพี่เลี้ยงสอนเรื่องต่างๆ เวลาแข่งกีฬาก็จะไปเป็นกองเชียร์ข้างสนาม เวลามีความทุกข์ก็เป็นที่ปรึกษาตอนนั้น ลูกคิดว่าลูกเลี้ยงเขามาอย่างดีที่สุดแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ลูกลืมไป คือ การสอนให้เขาพูดภาษาไทย และปลูกฝังวัฒนธรรมชาวพุทธให้เขา ลูกไม่ได้สอนเรื่องกฎแห่งกรรม หรือสอนเรื่องราวทางพระพุทธศาสนาให้เขาเลย ตรงนี้เป็นสิ่งที่ลูกเสียดายมาก ถ้าใครเป็นคุณแม่อย่าลืมสอนเรื่องพระพุทธศาสนาให้ลูกของตัวเองนะคะ อย่าเป็นชาวพุทธแต่เพียงในนาม แล้วถ้าเคยบวชแล้วก็ต้องสนับสนุนให้เขาบวชอีกค่ะ เมื่อเขาโตขึ้นและออกจากอ้อมอก เขาก้าวไปสู่สังคมอเมริกันอย่างเต็มตัว ช่องว่างระหว่างเราจึงมีมากขึ้น เขาเริ่มคบเพื่อน เชื่อคนอื่นมากกว่าแม่ของตัวเอง แสดงกิริยาวาจาที่รุนแรง จนทำให้ลูกต้องช้ำใจ ลูกไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ถึงอย่างไรก็รักและให้อภัยลูกชายได้เสมอ เพียงแค่ปรารถนาลึกๆในใจว่า สักวัน...ลูกชายจะกลับมาเป็นลูกที่น่ารักดังเดิม และหวังว่าเขาจะบวชในพระพุทธศาสนา ศึกษาธรรมะอย่างจริงจัง ลูกอยากให้เขามีบุญ บุญนี้จะได้อุ้มชูเขาให้เดินในทางที่ถูกต้องค่ะ ลูกขอฝากบอกลูกผู้ชายทั่วโลกว่า คุณรู้ไหม...กว่าใครสักคนจะเติบโตมาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และความสุขความสำเร็จที่ได้มาในวันนี้ มีบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง นั่นคือคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง ถ้าคิดได้อย่าลืมกลับไปดูแลท่าน และถ้าเป็นไปได้บวชให้ท่านอีกสักหนึ่งพรรษาเถอะค่ะ กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูงกัลยาณมิตรอัมพร กิบส์สนใจสมัครบวช คลิกที่นี่ชม Video Scoop จดหมายจากคนเป็นแม่
http://goo.gl/gQBEZ