พระมหากัจจายนะกับการออกแบบชีวิตให้มีผิวพรรณวรรณะงดงาม

พระมหากัจจายนะเป็นอีกหนึ่งเรื่อง ที่เป็นแบบอย่างในการออกแบบชีวิตของเราให้มีผิวพรรณวรรณะที่งดงาม เพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่องการเหยียดผิว หรือการแบ่งชนชั้นวรรณะที่เป็นปัญหาคู่โลก https://dmc.tv/a13520

บทความธรรมะ Dhamma Articles > แรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก
[ 14 เม.ย. 2555 ] - [ ผู้อ่าน : 18285 ]
ทองคำ
 
กับเส้นทางการสร้างบารมี
ของผู้มีบุญในพระไตรปิฎก
 
พระมหากัจจายนะ 
 
        การเหยียดสีผิว (racism) เป็นสิ่งที่เคียงคู่กับประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติตลอดมา แม้ในพระไตรปิฎกก็มีหลักฐานว่า มนุษย์มีการแบ่งแยกชนชั้นวรรณะมาตั้งแต่ยุคต้นกัป โดยมีจุดเริ่มต้นจากมนุษย์ที่มีผิวพรรณงามเหยียดหยามมนุษย์ที่มีผิวพรรณทราม การเหยียดสีผิวและการแบ่งแยกชนชั้นวรรณะเป็นสาเหตุแห่งความรุนแรงและก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานแก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ตั้งแต่ระดับเล็กน้อย ปานกลาง ไปจนกระทั่งหนักหนาสาหัส ดังเช่น โศกนาฏกรรมของชนผิวสีที่ปรากฎในประวัติศาสตร์ของประเทศสหรัฐอเมริกา แอฟริกา รวมทั้งผู้คนที่มีผิวพรรณคล้ำ(ชนเผ่ามิลักขะ) ที่อยู่ในวรรณะศูทรของอินเดีย เป็นต้น
 
        การมีผิวพรรณงามจึงมิใช่แค่สิ่งที่ดึงดูดตาดึงดูดใจผู้คนเท่านั้น แต่ยังมีส่วนในการกำหนดชีวิตความเป็นอยู่ ไปจนถึงความเป็นความตายของมนุษย์เลยทีเดียว เรื่องราวการสร้างบารมีของพระมหากัจจายนะเป็นอีกหนึ่งเรื่อง ที่เราสามารถนำไปเป็นแบบอย่างในการออกแบบชีวิตของเราให้มีผิวพรรณวรรณะที่งดงาม จะได้ไม่ต้องเกิดมาเผชิญกับปัญหาเรื่องการเหยียดผิว หรือการแบ่งชนชั้นวรรณะที่เป็นปัญหาคู่โลก
 
        ในครั้งพุทธกาล พระมหากัจจายนะเกิดในตระกูลพรามณ์ที่อาศัยอยู่ในกรุงอุชเชนี แคว้นอวันตี บิดาของท่านคือ ปุโรหิตปิติวัจฉพราหมณ์ มารดาคือ นางจันทนปทุมาพราหมณี แห่งตระกูลกัจจายนะ พระมหากัจจายนะเกิดมาพร้อมกับลักษณะที่โดดเด่นคือ มีผิวพรรณผุดผ่องเหมือนทองคำ บิดามารดาจึงตั้งชื่อให้ท่านว่า “กาญจนะ” ซึ่งแปลว่า “ทอง” เมื่อเติบโตขึ้น หนุ่มน้อยกาญจนะได้ศึกษาไตรเพท ซึ่งเป็นวิชาความรู้ของพราหมณ์ตามธรรมเนียมพราหมณ์จนจบการศึกษา ต่อมาเมื่อบิดาถึงแก่กรรม หนุ่มน้อยกาญจนะก็ได้รับตำแหน่งปุโรหิตแทนบิดา และผู้คนพากันเรียกขานท่านว่า “ปุโรหิตกัจจายนะ” ตามนามของตระกูล
 
        วันหนึ่ง เมื่อพระเจ้าจัณฑปัชโชต กษัตริย์แห่งกรุงอุชเชนี ทรงทราบข่าวว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นแล้ว ทรงอยากฟังพระธรรมเทศนา จึงทรงแต่งตั้งให้ปุโรหิตกัจจายนะไปกราบทูลอาราธนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เสด็จไปยังกรุงอุชเชนี ปุโรหิตกัจจายนะรับราชโองการแล้วเดินทางไปเฝ้าพระบรมศาสดาพร้อมด้วยผู้ติดตามอีก 7 คน เมื่อได้ฟังพระธรรมเทศนา ปุโรหิตกัจจายนะและผู้ติดตาม 7 คน ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ถึงพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณ จากนั้น พระบรมศาสดาประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทาให้ การบวชแบบเอหิภิกขุอุปสัมปทานั้น ไม่ได้มีลำดับขั้นตอนเหมือนการบวชในปัจจุบัน แค่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระดำรัสว่า “จงเป็นภิกษุมาเถิด” เท่านั้น เมื่อสิ้นพระดำรัส ผม หนวด และเครื่องนุ่งห่มของผู้บวชก็อันตรธานไป มีเครื่องอัฐบริขาร ได้แก่ บาตร สบง จีวร เป็นต้น บังเกิดขึ้นด้วยฤทธิ์และบุญญาธิการที่ผู้บวชสร้างสมมาแต่อดีตชาติ ทำให้ผู้บวชเป็นประดุจดังพระเถระที่มีพรรษาถึง 100 พรรษา
 
        เมื่ออุปสมบทแล้ว พระเถระทั้ง 8 ได้กราบทูลอาราธนาพระบรมศาสดาเสด็จสู่กรุงอุชเชนี ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากพระราชา แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระดำรัสให้พระมหากัจจายนะไปแทน เนื่องจากพระมหากัจจายนะเป็นพระภิกษุที่มีความรู้ความสามารถมาก ท่านจึงสามารถอธิบายธรรมะที่พระบรมศาสดากล่าวเพียงย่อๆ ให้ละเอียดได้ และสรุปเนื้อหาพระธรรมเทศนาที่ยาวๆ ออกมาเป็นหัวข้อย่อยๆ ได้ ทำให้ผู้ฟังเข้าใจธรรมะที่ลึกซึ้งได้โดยง่าย ดังนั้น เมื่อท่านไปถึงกรุงอุชเชนีแล้ว ท่านจึงสามารถแสดงธรรมให้พระราชาทรงเลื่อมใสได้โดยง่าย และสามารถประดิษฐานพระศาสนาในแคว้นอัวันตีได้สำเร็จ ทำให้ทั่วทั้งพระนครรุ่งเรืองไปด้วยผ้ากาสาวพัสตร์
 
        ด้วยความสามารถนี้ ต่อมาพระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องท่านว่าเป็นเอตทัคคะ คือ เป็นเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในด้านผู้อธิบายเนื้อความโดยย่อให้พิสดาร นอกจากมีคุณสมบัติอันเลิศข้างต้นแล้ว พระมหากัจจายนะยังมีคุณธรรมสูงส่ง มีศีลาจารวัตรที่งดงาม เป็นที่เคารพรักของมนุษย์และเทวดา ดังจะเห็นได้ว่า เวลาที่ท้าวสักกเทวราช(พระอินทร์) ได้พบพระมหากัจจายนะ ก็จะทรงเข้าไปอุปัฏฐากรับใช้และนวดเท้าทั้งสองของท่าน แม้แต่พระบรมศาสดายังทรงกล่าวยกย่องพระมหากัจจายนะท่ามกลางหมู่สงฆ์ว่า “ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้มีทวารอันตนคุ้มครองแล้วในอินทรีย์ทั้งหลาย เช่นเดียวกับมหากัจจายนะบุตรของเรา ย่อมเป็นที่รักของเหล่าเทวดา”
 
        พระมหากัจจายนะมิเพียงเปี่ยมด้วยคุณสมบัติและทรัพย์สมบัติ แต่ท่านยังเป็นเลิศด้วยรูปสมบัติ คือมีผิวพรรณละเอียดอ่อนผุดผ่องดุจทองคำ และมีรูปร่างสง่างามคล้ายคลึงกับพระบรมศาสดา จนทำให้หลายๆ คนเข้าใจผิดว่าท่านเป็นพระบรมศาสดา หลักฐานประการหนึ่งในพระไตรปิฎกที่แสดงว่าท่านมีความสง่างาม และผิวพรรณวรรณะผ่องใสอย่างยิ่ง ก็คือเรื่องราวเหลือเชื่อแต่เป็นความจริงดังต่อไปนี้
 
ด้วยบาปหนักที่จาบจ้วงพระอรหันต์ ทำให้นายโสไรยะกลายร่างเป็นผู้หญิงในทันที
ด้วยบาปหนักที่จาบจ้วงพระอรหันต์ ทำให้นายโสไรยะกลายร่างเป็นผู้หญิงในทันที
 
        วันหนึ่ง ขณะที่พระมหากัจจายนะกำลังห่มจีวรจะเข้าไปบิณฑบาตในเมือง บุตรชายของเศรษฐีแห่งเมืองโสไรยะคนหนึ่งชื่อ โสไรยะ นั่งยานพาหนะผ่านมากับบรรดาสหาย ครั้นนายโสไรยะเห็นวรรณะอันงดงามผ่องใส ดึงดูดตาดึงดูดใจของพระเถระ ก็เกิดความคิดอกุศลเข้ามาว่า “พระเถระรูปนี้สวยจริงหนอ ควรจะเป็นภรรยาของเรา หรือมิฉะนั้น ภรรยาของเราก็ควรจะมีผิวพรรณงดงามเหมือนพระรูปนี้” ด้วยบาปหนักที่จาบจ้วงพระอรหันต์ ทำให้นายโสไรยะกลายร่างเป็นผู้หญิงในทันที นายโสไรยะซึ่งขณะนี้กลายเป็นนางโสไรยะไปแล้ว รู้สึกตกใจและอับอายมาก จึงรีบลงจากยานพาหนะแล้วเดินไปยังกรุงตักสิลา บรรดาเพื่อนฝูงของนายโสไรยะพากันออกตามหาเขาแต่ไม่พบ ส่วนบิดามารดาของเขาก็พากันร้องไห้ด้วยความเศร้าโสกเสียใจ เพราะคิดว่าบุตรคงเสียชีวิตไปแล้ว ฝ่ายนางโสไรยะได้ติดตามกองเกวียนของพ่อค้าไปจนถึงกรุงตักศิลา เมืองหลวงของแคว้นคันธาระ บุตรชายของเศรษฐีแห่งกรุงตักสิลาเห็นนางมีรูปงาม จึงเกิดความรักและรับนางเป็นภรรยา ทั้งคู่มีบุตรด้วยกัน 2 คน
 
        ก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งเป็นผู้ชาย โสไรยะมีบุตรอยู่แล้ว 2 คน ดังนั้นจึงเท่ากับว่าเขาเป็นทั้งพ่อและแม่ เป็นทั้งสามีและภรรยาในชาติเดียวกัน ต่อมา เขามีโอกาสกราบขอขมาพระมหากัจจายนะ เมื่อท่านอโหสิกรรมให้ เขาจึงคืนร่างเป็นชาย แล้วขอบวชในสำนักของท่าน และได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ส่วนสาเหตุที่ทำให้พระมหากัจจายนะมีผิวพรรณวรรณะที่งดงามผ่องใสนั้น เกิดจากการทำบุญด้วยทองคำในสมัยพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้งนั้นพระมหากัจจายนะเคยถวายแผ่นอิฐทองคำมีค่าแสนหนึ่ง ทำเป็นฐานของพระสุวรรณเจดีย์เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และตั้งความปรารถนาว่า “ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่บังเกิดขึ้นจากการถวายแผ่นอิฐทองคำนี้ ขอให่สรีระของข้าพเจ้าจงมีวรรณะเหมือนทองคำทุกภพทุกชาติ” ด้วยอานิสงส์แห่งบุญพิเศษนี้ ทำให้ความปรารถนาของท่านบังเกิดเป็นความจริง คือ ได้เกิดมามีผิวพรรณวรรณะงดงามเป็นพิเศษ โดดเด่นยิ่งกว่าคนทั่วไป
 
        ย้อนไปในสมัยพระปทุมุตตรพุทธเจ้า ท่านก็เคยถวายอาสนะทำด้วยแก้วผลึกที่ฉาบทาด้วยทองชมพูนุท ซึ่งเป็นทองคำบริสุทธิ์ มีฉัตรทำด้วยรัตนะทั้ง 7 ประการ กางกั้นไว้บนยอด และถวายพัดวาลวีชนี พัดบวรจามรี แด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยอานุภาพแห่งการบูชาในครั้งนี้ ทำให้ท่านได้เสวยทิพยสุขในเทวโลก ได้บังเกิดเป็นเทพราชาผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์เป็นเวลายาวนานถึง 10 กัป มีรัศมีแผ่ไปโดยรอบร้อยโยชน์อยู่เป็นนิจ และได้บังเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้มีฤทธานุภาพมาก มีรัตนชาติบังเกิดขึ้นมากมายเหลือคณานับ ล้วนส่องสว่างโชติช่วงดังอาทิตย์อุทัย ตลอดทั้งกลางวันกลางคืน พระมหากัจจายนะระลึกชาติไปดูประวัติการสร้างบารมีของท่านในชาตินั้นก็พบว่า เมื่อท่านถวายอาสนะแก้วผลึกที่ฉาบทาด้วยทองชมพูนุทอันเป็นทองคำบริสุทธิ์ เพื่อเป็นที่ประทับนั่งของพระพระปทุมุตตรพุทธเจ้าแล้ว พระองค์ตรัสว่า “ผู้ใดได้ถวายอาสนะที่ทำด้วยทองและแก้วนี้ เราจักพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว ผู้นั้นจักเป็นจอมแห่งเทวดาเสวยเทวรัชสมบัติอยู่ 30 กัป จักมีรัศมีแผ่ไปโดยรอบตลอด 100 โยชน์ ครั้นมาสู่มนุษยโลกแล้ว จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมรพระนามว่า ปภัสสระ จักเป็นผู้มีเดชอันรุ่งเรือง จักได้เป็นกษัตริย์มีรัตนะ 8 ประการ โชติช่วงอยู่โดยรอบทั้งกลางคืนกลางวัน ดังพระอาทิตย์อุทัยฉะนั้น” เมื่อระลึกชาติเห็นความดีที่ทำไว้แล้ว พระมหากัจจายนะก็บังเกิดความปลื้มปีติเป็นยิ่งนัก
 
พระมหากัจจายนะเคยถวายแผ่นอิฐทองคำมีค่าแสนหนึ่ง ทำเป็นฐานของพระสุวรรณเจดีย์เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
พระมหากัจจายนะเคยถวายแผ่นอิฐทองคำมีค่าแสนหนึ่ง ทำเป็นฐานของพระสุวรรณเจดีย์เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
 
        อานิสงส์จากการ ถวายอาสนะแก้งผลึกฉาบทาด้วยทองชมพูนุทแด่พระปทุมุตตรพุทธเจ้า ส่งผลให้พระมหากัจจายนะได้บังเกิดเป็นเทพราชาผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ ได้บังเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เวียนว่ายตายเกิดเสวยสุขอยู่แต่ในสุคติภูมิเท่านั้น และด้วยบุญที่ ถวายแผ่นอิฐทองคำสร้างเจดีย์ เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ในชาติสุดท้ายม่านได้มาเกิดในตระกูลพราหมณ์ ซึ่งเป็นวรรณะที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดของอินเดียในสมัยนั้น และมีผิวพรรณงดงามดุจทองคำ แถมยังพรั่งพร้อมด้วยสมบัติทั้งปวงที่มนุษย์พึงปรารถนา คือ รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ และบริวารสมบัติ ซึ่งทุกประการล้วนจัดอยู่ในแนวหน้า
 
        เมื่อบวชแล้ว ท่านได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ได้เป็น 1 ใน 41 พระภิกษุสาวกที่ได้รับตำแหน่งเอตทัคคะ ได้เป็น 1 ใน 80 อสีติมหาสาวก และพรั่งพร้อมด้วยคุณสมบัติ คือ มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ประกอบด้วยปฏิสัมภิทาญาณ 4 คือ มีความรู้แตกฉานในอรรถ ธรรม นิรุกติ และปฏิภาณ จะเห็นได้ว่า อานิสงส์จากการสร้างบารมีด้วยทองคำของพระมหากัจจายนะ สามารถสร้างความสุขความเจริญอย่างสูงสุดให้แก่ชีวิตของท่านได้ ตัวเราเองหากได้สร้างบารมีตามอย่างท่านบ้าง ความสุขความเจริญก็จะเกิดขึ้นกับเราเช่นกัน
 
        ในช่วงนี้ จะมีการหล่อรูปเหมือนพระมงคลเทพมุนี(สด จนฺทสโร) ด้วยทองคำ ซึ่งการหล่อรูปเหมือยด้วยทองคำองค์ใหญ่ขนาดนี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากมากๆ ถึงมากที่สุด บางคนทั้งชาติอาจจะได้ทำบุญนี้เพียงครั้งเดียว ดังนั้นเมื่อโอกาสมาถึงแล้ว เราจึงควรตักตวงบุญไปให้มากที่สุด เพราะชีวิตของเราในอนาคตจะสมบูรณ์พูนสุขเพียงใด ล้วนเกิดจากบุญที่สั่งสมมาในอดีต และที่กระทำเพิ่มเติมในปัจจุบันเป็นหลัก ที่สำคัญบุญนี้จะเป็นบุญใหญ่ที่สุดอีกบุญหนึ่ง ที่จะกำหนดชะตาชีวิตของเราต่อไปในอนาคต ที่กล่าวเช่นนี้เพราะการทำบุญด้วยวัตถุอันเลิศ คือทองคำ ถวายแด่มหาปูชะนียาจารย์ผู้เลิศ คือพระเดชพระคุณหลวงปู่ เป็นวิธีลัดที่จะสั่งสมรูปสมบัติอันเลิศ ทรัพย์สมบัติอันเลิศ และคุณสมบัติอันเลิศ ให้ติดตัวเราไปทุกภพทุกชาติ นอกจากนี้ บุญนี้ยังเป็นบุญพิเศษที่มีอานิสงส์ให้เรามีผิวพรรณวรรณะที่งดงาม ซึ่งผู้มีผิวพรรณงามนั้น จัดว่าเป็นผู้ที่มีรูปสมบัติ ซึ่งเป็นหนึ่งในสมบัติทั้งสาม  และรูปสมบัตินี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินชีวิตของคนเรา เพราะรูปสมบัติเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ง่าย แค่พบเห็นเพียงครั้งแรกก็สร้างความรู้สึกที่ดีให้เกิดขึ้นได้แล้ว รูปสมบัติจึงเป็นใบเบิกทางในการทำความดีหรือทำกิจการงานต่างๆ ได้อย่างสะดวกง่ายดาย นอกจากนี้ การมีรูปสมบัติที่งดงาม มีผิวพรรณงาม ยังช่วยให้เราไม่ต้องประสบกับความทุกข์จากปัญหาการเหยียดผิว ที่เป็นปัญหาคู่โลกมาตั้งแต่ยุคต้นกัปได้อีกด้วย
 
(จากมหากัจจายนะ อรรกถาสูตรที่ 10)

http://goo.gl/oX0dk


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      อานิสงส์การจุดประทีปเป็นพุทธบูชา : ตอน พระอนุรุทธเถระผู้มีจักษุทิพย์
      เพราะบูชาพระเจดีย์จึงมีรัศมีสว่างไสว บูชาด้วยดอกไม้แปดดอก
      พระปัญจทีปทายิกาเถรี กับอานิสงส์บูชาพระเจดีย์จึงมีทิพยจักษุ
      พระอุปวาณเถระ กับอานิสงส์การบูชาพระเจดีย์
      พระมหากัสสปะเถระ กับอานิสงส์สร้างพระสถูปเจดีย์
      บุญ คือ อะไร ?
      ศีลดี คือ อะไร ?
      เมื่อสวรรค์มีจริง ทำอย่างไรจึงจะได้ไปสวรรค์ ?
      ถ้าจิตขุ่นมัวในขณะนั้น ตายแล้วไปไหน ?
      นรก-สวรรค์
      อานิสงส์ของการฟังธรรม
      ทำทานอย่างไร จึงจะได้ บุญมาก ?
      ทำไมคนจึงต่างกัน ?




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related